วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2551

สูตรมาตรฐานในการผลิดลูกอม



สูตรมาตรฐานในการผลิดลูกอม
1. น้ำตาลทรายขาว XXX กรัม
2. กลูโคสไซรัป XXX กรัม
3. สมุนไพรจากธิเบต XXX กรัม
4. ชะเอมป่า XXX ซี.ซี.
5. น้ำ XXX ลิตร


จริงๆแล้ว สมุนไพร มีหลายชนิด เราสามารถเลือกใช้ได้ตามต้องการ เช่น ดอกกระเจี๊ยบ, ดอกเก๊กฮวย, ชะเอม, ขิง, มะนาว, ส้ม, โคคา, ใบเตย,สเตอเบอรี่, เชอรี่, มะตูม ฯลฯ ในสูตรของเราๆเลือก เอาชะเอมป่า มาใช้
ลูกอมที่ดีและมีคุณภาพสูง จะต้องผลิตจากสมุนไพรโดยตรง โดยไม่ใช้กลิ่นและสีสังเคราะห์ ซึ่งอาจจะมีอันตรายต่อผู้บริโภค
การผลิตลูกอมที่ใช้สมุนไพรดังกล่าว จึงมีราคาแพงกว่าลูกอมตามท้องตลาดโดยทั่ว ๆ ไป

สมุนไพร เป็นยาพื้นบ้านแผนโบราณของไทยมาแต่อดีต ความนิยมในการใช้สมุนไพรได้ลดถอยลงไปบ้างเมื่อเทคโนโลยีทางการแพทย์และเภสัชศาสตร์สมัยใหม่จากตะวันตกเข้ามามีอิทธิพล แต่อย่างไรก็ดีในปัจจุบันสมุนไพรกลับมาได้รับความนิยมกันมากในเมืองไทยและโลกตะวันตก ต่างประเทศกำลังหาทางเข้ามาลงทุนและคัดเลือกสมุนไพรนำไปใช้สกัดหาตัวยาเพื่อรักษาโรคบางชนิด มีหลายประเทศนำสมุนไพรไปปลูกและทำการค้าขายแข่งกับประเทศไทย
สมุนไพร เป็นพืชอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีการปลูกใช้ประโยชน์มานานแล้ว เพราะบางชนิดสามารถนำมารับประทานเป็นอาหาร ให้คุณค่าทางอาหารและยังให้รสชาติที่ทำให้เจริญอาหาร สมุนไพรหลายชนิดยังมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรค ช่วยย่อย อาหาร แก้อาการท้องอึด ท้องเฟ้อ ในอดีตการปลูกสมุนไพรมักกระทำกันในลักษณะการปลูกผักสวนครัว ริมรั้ว หลังบ้าน ตามที่ว่างเปล่า จะใช้ประโยชน์เมื่อใดก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ทันที แต่ในระยะหลังเนื่องจากมีประชากรมากขึ้น และ ส่วนหนึ่งได้เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ที่มักมีพื้นที่บ้านเรือนจำกัด ไม่มีพื้นที่ว่างเพียงพอกับการปลูกผักสวนครัวต่าง ๆ พืชผักเพื่อการบริโภคทุกอย่างต้องได้จากการซื้อหา เมื่อมีความต้องการซื้อ จึงมีผู้หันมาปลูกผักสมุนไพรขายกันมากขึ้น นอกจากนี้สมุนไพรบางอย่างที่มีสรรพคุณเป็นยา สามารถนำมาสกัดเอาสารที่มีอยู่ภายในมาใช้ทำยาสมุนไพร หรือนำไป เป็นส่วนประกอบของของใช้เพื่อการอุปโภคในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน แชมพูสระผม ครีมนวดผม ครีมบำรุงผิว น้ำหอม ยาดม น้ำมันหอมระเหย ฯลฯ ด้วยประโยชน์ของสมุนไพรมีมากมายดังที่กล่าวมาแล้ว ความต้องการใช้สมุนไพร จึงมีมากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะในระยะหลังที่คนเริ่มตื่นตัวในเรื่องพิษภัยอันตรายจากสารเคมี และหันมาให้ความสนใจ ต่อสารที่สกัดจากธรรมชาติกันมากขึ้น ยิ่งทำให้ความต้องการใช้สมุนไพรยิ่งมีมากขึ้นตามลำดับ การปลูกสมุนไพรขาย จึงเป็นอีกอาชีพหนึ่งซึ่งมีอนาคตที่ดี ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการปลูกสมุนไพรก็คือมักจะไม่ค่อยมีโรค-แมลงรบกวน จึงใช้ สารเคมีเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่ต้องใช้เลย ทำให้ประหยัดต้นทุนในส่วนนี้ลงได้

วิธีการเตรียมสมุนไพรนั้น แต่ละชนิดจะใช้กรรมวิธีที่แตกต่างกันออกไป ในที่นี้จะแยกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่ม 1. ชนิดที่ใช้ดอกและผลแห้ง ตลอดจนกลุ่มที่ใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของลำต้น เช่น กระเจี๊ยบ, ชะเอม, เก๊กฮวย, ขิง ฯลฯ หลักการที่ใช้เตรียมสมุนไพร ใช้วิธีการต้มไฟอ่อน ๆ โดยอาจจะใช้สมุนไพร 1 ส่วน ผสมน้ำสะอาด 1 ส่วน ต้มให้เดือดเบา ๆ จนได้น้ำ, รส, กลิ่น, สี, คุณสมบัติของสมุนไพรนั้น ๆ พยายามเคี่ยวให้ได้ความเข้มข้นมากที่สุด จะได้สมุนไพรเข้มข้นที่จะนำไปใช้ผลิตลูกอมรสสมุนไพรต่อไป จำเป็นต้องทำวันต่อวัน เพราะน้ำสมุนไพรเข้มข้นที่ได้เก็บเอาไว้ได้ไม่เกิน 1 วัน ถ้าเกินอาจจะเสียได้ หรือถ้าจำเป็นที่จะต้องเก็บไว้นาน ๆ อาจจะแช่แข็งในห้องฟรีซของตู้เย็น เห็นไหมครับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย...
น้ำสมุนไพรที่ได้มา เราต้องกรองให้สะอาดปราศจากกากและตะกอน
กลุ่ม 2. ชนิดที่ใช้น้ำของผล เช่น มะนาว, ส้ม สมุนไพรกลุ่มนี้ต้องถนอมคุณภาพของสารอาหารและวิตามินในธรรมชาติเอาไว้ จะใช้วิธีการต้มไม่ได้

วิธีที่ง่าย ๆ คือคั้นเอาน้ำออกมาด้วยมือหรือเครื่องคั้น เมื่อได้น้ำของผลไม้เป็นจำนวนมากพอแล้ว จึงทำการอบให้แห้งด้วยเครื่องอบแห้งระบบสูญญากาศ จะได้ผลของพืชชนิดนั้น ๆ ตามต้องการ
การใช้เครื่องอบสูญญากาศ อาจจะเป็นการลงทุนสูงเกินไป อาจใช้วิธีการใช้ความร้อนก็ได้ แต่เป็นความร้อนที่ไม่มากนัก เช่น อบในตู้อบความร้อนที่อุณหภูมิไม่เกิน 70 องศา น้ำในน้ำของสมุนไพรจะระเหยออกไปจนเกือบแห้ง นำน้ำสมุนไพรที่เข้มข้นไปใช้ผลิตเป็นลูกอมได้ต่อไป

ขั้นตอนการผลิตลูกอมสมุนไพร
1. ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นลดความร้อนลงทันที ค่อย ๆ เทน้ำตาลลงไป กวนให้ค่อย ๆ ละลาย ขณะนี้ไฟจะอ่อนมาก ถ้าเป็นเตาแก๊สให้หรี่เปลวไฟให้เหลือน้อยที่สุด ถ้าเป็นเตาไฟฟ้าปรับไฟที่อุณหภูมิเกือบเดือด คือ ช่วงนี้จะใช้ความร้อนต่ำมาก ถ้าใช้ความร้อนสูงน้ำตาลจะไหม้
2. หลังจากน้ำตาลละลายหมดแล้ว จึงเติมกลูโคสไซรัปลงไป ค่อย ๆ กวนจนเข้ากันดี สุดท้ายจึงเติมสมุนไพรเข้มข้นลงไป เมื่อเข้ากันดีแล้วจะเป็นจังหวะที่น้ำที่ใส่ไปในครั้งแรกจะระเหยไปเกือบหมด กะให้น้ำระเหยออกไปหมด จึงรีบเทส่วนผสมนี้ลงไปในแบบพิมพ์ทันที
ลักษณะของแบบพิมพ์ จะทำด้วยทองเหลือง มีขนาดกว้างประมาณ 1 ซม. สูงประมาณ 1 ซม. ความยาวประมาณ 40 ซม.หรือสั้นกว่านี้
ออกแบบแบบพิมพ์ให้แกะออกมาได้ เพื่อแกะลูกอมที่แห้งและแข็งแล้วออกมาได้ง่าย ลูกอมที่แข็งจะมีความยาว จำเป็นต้องใช้เลื่อยไฟฟ้าหรือเลื่อยตัดขนมปัง ตัดออกมาเป็นท่อน ๆ ได้ลูกอมตามขนาดที่ตัดตามต้องการ
ถ้าทำจำนวนมาก ๆ อาจจะนำลูกอมที่หล่อเป็นแท่งยาวหลาย ๆ แท่งมาประกบกันแล้วเลื่อยด้วยเลื่อยไฟฟ้า ครั้งละได้หลาย ๆ ท่อน เป็นการประหยัดพลังงาน ลูกอมที่ได้จะแข็งเปราะ ถ้ากะระยะยกลงจากเตาได้ถูกต้องแล้ว ลูกอมที่ได้จะแทบไม่มีน้ำผสมอยู่ด้วยทำให้ไม่ต้องใช้วัตถุกันเสียแต่อย่างใด ลูกอมจะเก็บไว้ได้นานไม่เสีย การเก็บควรใส่กระป๋องที่มีฝาปิดมิดชิด เก็บได้หลายปี
การปรุงรสชาด
ถ้าต้องการความเย็นให้เติมเมนทอลลงไปด้วยประมาณ 0.1-1% ใส่พร้อมกับสมุนไพร ทำให้เย็นชุ่มคอลักษณะของเมนทอลจะเป็นเกร็ดใส ถ้าต้องการความเข้มข้นของรสชาด อาจจะเติมกรดซิตริกลงไปด้วย 0.1% กรดซิตริก เป็นกรดส้มไม่มีอันตรายต่อผู้บริโภค แต่ต้องไม่ใส่มากเกินไปจะเปรี้ยวมาก ถ้าต้องการความเผ็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจเติมเป๊ปเปอร์มิลท์ลงไป 0.1-0.5% อัตราส่วนผสมอาจจะเปลี่ยนแปลงได้แล้วแต่ความเหมาะสม ขึ้นอยู่การทดลองและวิเคราะห์กลุ่มผู้บริโภคว่าต้องการรสชาดแบบไหน
ในการผลิตลูกอมของผู้ผลิตบางราย อาจไม่ใช้สมุนไพร แต่ใส่สีผสมอาหาร และกลิ่นผสมอาหารลงไปก็ได้ลูกอมเช่นกัน แต่เป็นลูกอมที่อาจจะไม่ให้คุณค่ากับร่างกาย
หลักการในการทำการตลาดของลูกอมสมุนไพร จะต้องเจาะตลาดบน กลุ่มผู้บริโภคจะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีรายได้ค่อนข้างดี เพราะราคาจะแพงพอสมควร อาจจะบรรจุกระป๋องหรือกล่องกระดาษที่ออกแบบให้ดูสวยงามมีคุณค่า เห็นแล้วน่าซื้อ จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ในช่วงเริ่มต้นอาจจะทำเล็ก ๆ ไปก่อน โดยอาจจะผลิตด้วยมือ เน้นที่ความสะอาด เน้นที่คุณค่าของสมุนไพร นำเสนอให้ผู้บริโภคเข้าใจในเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของผู้ผลิต ที่ต้องการให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อธุรกิจก้าวหน้า มีลูกค้าเพิ่มขึ้น จึงค่อย ๆ ขยายกำลังการผลิตออกไปให้ใหญ่โตขึ้น อาจจะระดับประเทศและระดับโลก
มีลูกอมหลายยี่ห้อในโลกนี้ สามารถทำการตลาดได้ทั่วโลก มียอดขายมหาศาล ซึ่งเป็นไปได้ที่คนไทยเราอาจจะค้นคว้าสมุนไพรไทย ๆ ที่อร่อย รสชาดดี มีคุณค่ากับร่างกายสูงกว่า ผลิตลูกอมทำการตลาดได้ในระดับโลกในอนาคต

คงมีท่านผู้อ่านหลายๆท่านเคยคิดที่จะเลิกบุหรี่ หรือมีบุคคลใกล้ชิดที่เคยคิดจะเลิกบุหรี่
แต่ยังทำไม่สำเร็จซะที และนึกแปลกใจว่าทำไมถึงเลิกยากนัก ทั้งนี้เกิดจาก ในบุหรี่นั้นมี สารเสพติด
ชนิดหนึ่งที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Nicotin ในบุคคลที่สูบบุหรี่จะมีระดับของสาร Nicotin ในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้น
ทำให้ร่างกายมีความต้องการสาร Nicotin มากขึ้น และเกิด การติดบุหรี่ตามมา เมี่อไม่ได้สูบบุหรี่ก็อาจเกิด
อาการต่างๆ เช่น หงุดหงิด ฉุนเฉียว โมโหง่าย เป็นต้น นอกจากการติดสาร Nicotin ในบุหรี่แล้ว ผู้ที่สูบบุหรี่
มาเป็นเวลานานๆก็จะมีการติด บุหรี่ทางจิตใจและทางปากร่วมด้วย การติดทางจิตใจก็คือ เมื่อสูบบุหรี่แล้ว
จะมีความสุขและ ผ่อนคลายโดยไม่ได้เกิดจากสารออกฤทธิ์ใดๆ แต่เกิดจากความรู้สึกที่ว่าได้สูบเท่านั้น
ส่วนการติดทางปาก หมายถึง ในผู้ที่สูบบุหรี่นานๆนั้น จะรู้สึกเคยชินกับการมีอะไรมาอยู่ที่ปาก
เมื่อไม่มีอะไรอยู่ที่ปากจะรู้สึกผิดปกติ จึงต้องสูบบุหรี่ติดต่อกัน

ดังนั้น การเลิกบุหรี่ จึงสามารถทำได้โดยหลักการใหญ่ๆ 3 อย่าง คือ
1. ค่อยๆลดระดับ Nicotin ในกระแสเลือดลงช้าๆ
ในปัจจุบันมีสารที่ผลิตขึ้นเพื่อการนี้หลายชนิด ได้แก่
ง หมากฝรั่ง Nicotin ใช้ได้โดยการเคี้ยวหมากฝรั่งดังกล่าวแทนการสูบบุหรี่ เช่นเดิมเคยสูบบุหรี่วันละ 10 มวน
ก็ให้มาเคี้ยวหมากฝรั่งวันละ 10 อันแทน และค่อยๆลดจำนวน หมากฝรั่งที่ใช้จนสามารถเลิกได้
ง Nicotinel เป็นแผ่นแปะหน้าอกซึ่งจะค่อยๆปล่อยสาร Nicotin ผ่านผิวหนังเข้าสู่ กระแสเลือดช้าๆ
จำนวนแผ่นที่แปะขึ้นกับจำนวนบุหรี่เดิมที่เคยสูบ และค่อยๆลดขนาด ลงจนเลิกได้เช่นกัน
ง Nicotinic acid หรือ Vitamin B5 ซึ่งมีโครงสร้างใกล้เคียงกับสาร Nicotin แต่ไม่ทำให้เกิดการเสพติด
ใช้ได้โดยกิน 1 เม็ด 3 เวลาหลังอาหาร แต่ถ้าจะให้ได้ผล ต้องการจำนวนมาก คือ 9-12 เม็ด ต่อวัน
ง Friend Thip หรือ เม็ดอมเลิกบุหรี่ ใช้ได้โดยการอม 1 เม็ด 3 เวลาหลังอาหาร หรือ เวลาอยากสูบบุหรี่ และถ้าจะให้ได้ผล ต้องการจำนวนมาก คือ 9-12 เม็ด ต่อวัน โดยทั่วไป มักจะเห็นผลในระยะ 7- 10 วัน
2. ให้มีอะไรอยู่ในปากตลอดเวลา
เพื่อลดความต้องการบุหรี่เมื่อรู้สึกว่าเหงาปาก สามารถทำได้โดย การเคี้ยวหมากฝรั่ง
คาบไปป์เปล่าๆที่ไม่มีบุหรี่ ขบเคี้ยวของกินเล่น หาเพื่อนคุย อมลูกอม ฯลฯ
3. มีความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเลิกบุหรี่
วิธีนี้อาจทำได้โดย ไม่ต้องอาศัยยา Nicotin ร่วมด้วย มีวิธีทำได้หลายอย่างได้แก่
-หักดิบ คือการเลิกทันที และใช้การทำสมาธิ ออกกำลัง ดื่มน้ำมากๆ ร่วมกับการใช้ ยาคลายเครียด
-ค่อยๆลดจำนวน คือ ค่อยๆลดจำนวนบุหรี่ที่สูบลงช้าๆ เท่าที่ร่างกายสามารถทนได้ โดยการใช้ ลูกอมเลิกบุหรี่ เช่น ลดลง จากวันละ 1 ซอง ให้เหลือสัปดาห์ละ 1 มวน เป็นต้น
จนเลิกได้ และในระหว่างที่เลิกก็ใช้การเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือ ลูกอมแทน
สำหรับผู้ทีมาเลิกบุหรี่กับแพทย์ นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ก็จะได้รับยาเสริมต่างๆ เพื่อให้การ เลิกเป็นไปได้
โดยง่ายยิ่งขึ้น ยาดังกล่าวได้แก่ ยาคลายเครียด ยาลดความซึมเศร้า หรือ ยาลดความดันบางประเภท
ที่ออกฤทธิ์ลดความอยากสารเสพติดต่างๆ เช่น Conidine
สนใจสอบถาม สั่งซื้อ ลูกอม ได้ที่ คุณ มิ๊นท์ 081-652-3507
บริษัท ใดต้องการเปิดเครดิต ทางห้างขอสงวนสิทธิ์ ในการ พิจารณา อนุมัติ เป็นรายๆ ไป